รองเท้า
รองเท้า แบ่งออกเป็น 2 ประเทใหญ่ๆ คือ รองเท้าผู้หญิง และ รองเท้าผู้ชาย ซึ่งจะมีชื่อเรียกแบบรองเท้าที่มาจากหลายๆแนวทาง เช่น รูปทรง, โอกาสการใช้งาน, ชื่อผู้คิดค้น, ชื่อสถานที่ และส่วนประกอบจากวัตถุดิบหลักที่เด่นชัด
แบบรองเท้าผู้หญิง (Women's Shoe Styles)
Ballerina
รองเท้า low kid อ่อนนุ่มมีพื้นรองเท้าบางและส้นรองเท้าแบน บางครั้งมีเชือกผูก ได้แรงบันดาลใจจากรองเท้าที่นักบัลเลต์ใส่ เด็กนักเรียนหญิงนิยมใส่ในทศวรรษ 1940
Moccasin
รองเท้าไม่มีส้น พื้นรองเท้าทำจากหนังและตั้งเป็นทรง quarter และส่วนของ vamp ลิ้นรองเท้าเหมือนแผ่นโค้งเย็บมือ หนังรองเท้าส่วนบนสำเร็จรูป สายหนังทะลุผ่านรอบปกรองเท้าแตะและผูกบนหลังเท้า บ่อยครั้งมีซับในขนแกะ อาจมีขอบตะเข็บ ลูกปัดหรือพู่ บ้างเรียกว่า Indian moccasin เพราะต้นกำเนิดรองเท้านี้มาจากชาวอินเดียแดง
Sling
รองเท้า เปิดหลังและมีสายรัดรอบส้นเท้าเพื่อยึดให้คงที่ อาจทำในแบบ pump หรือ sandal
Boot
รองเท้าบูท มีส้นรองเท้าเตี้ย ทำจากหนังหรือวัสดุชั้นดี และผูกเชือกหรือติดกระดุมถึงน่องด้านล่าง ในศตวรรษที่ 19 ผู้หญิงใส่รองเท้าบูทกับเครื่องแต่งกายตอนกลางวันทั้งฤดูร้อนและฤดูหนาว ช่วงครึ่งแรกของศตวรรษที่ 20 รองเท้าบูทถูกใช้ประโยชน์มากในสภาพอากาศที่ไม่ดี รองเท้าบูทที่ตั้งใจออกแบบสำหรับแฟชั่นเกิดขึ้นครั้งแรกในทศวรรษ 1960 มีความยาวทุกขนาด ตั้งแต่ข้อเท้าจนถึงต้นขา ทำจากวัสดุทั่วไปตั้งแต่พลาสติก ไวนิลจนถึงหนัง ในทศวรรษ 1970 รองเท้าบูทแฟชั่นยาวถึงเข่านิยมใส่ช่วงฤดูหนาว มีหลายสี ในทศวรรษเดียวกันรองเท้าบูทแบบอื่นก็เป็นที่นิยม เช่น รองเท้าบูท Rankle ขนาดเล็กหรือรองเท้าบูทหนัง Cowboy มีอุปกรณ์ซับซ้อน รองเท้าบูทหนาสำหรับใช้งานของคนงานรู้จักในชื่อ Dr.Martens (DOC MARTENS) พวก Skinheads สวมใส่ในช่วงทศวรรษ 1960 และกลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้งในช่วงทศวรรษ 1980 ด้วยรูปแบบที่ประณีตมากขึ้น ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของรูปแบบการแต่งกายอย่างไม่เป็นทางการ
Pump
รองเท้าถอดใส่ง่าย พื้นโดยรอบเตี้ยหรือทรง v throat ส้นรองเท้าอาจสูงและครอบด้วยวัสดุเดียวกับส่วนบนของรองเท้า ปลายเท้าต่างจากจุดโดยรอบ ขึ้นอยู่กับแบบที่นิยม บ้างทำแบบเปิดปลายเท้าและ/หรือเปิดส้นเท้าแบบ sling back แบบคลาสสิกสำหรับผู้หญิงใส่กลางวันหรือกลางคืนตั้งแต่ทศวรรษ 1920
Sneakers
ความหมายเดิม หมายถึงรองเท้ากีฬาหรือรองเท้าเทนนิส ทำจากผ้าใบสีขาว ปัจจุบันหมายถึงชนิดของรองเท้าทรงเตี้ยเหมือนรองเท้าเทนนิสหรือรองเท้าผ้าใบทรงสูง ผู้ชาย ผู้หญิงและเด็กนักเรียนชายใส่เป็นรองเท้าเล่นกีฬา มีต้นกำเนิดในปี ค.ศ. 1868 เมื่อมีผ้าใบด้านบนเพิ่มที่พื้นรองเท้ายางจึงเรียกว่า croquet sandals ถูกตั้งชื่อใหม่เป็น sneakers ในปี ค.ศ. 1873 ในปี ค.ศ. 1917 สหรัฐอเมริกาเริ่มใช้ยางยี่ห้อ Keds® (ได้ชื่อมาจากการรวมคำว่า kids หมายถึงผู้ผลิตเป็นคนแรก และ ped ภาษาละติน หมายถึง foot ในภาษาอังกฤษ)
Mule
รองเท้าแตะส้นสูงหรือรองเท้ามีหนังด้านบนแต่ไม่มีหุ้มด้านหลัง ทำจากหนังและผ้าหรูหรา เรียกชื่อนี้ตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 หรือสะกดว่า moile, moyle, mowle
Platform
รองเท้ามีพื้นรองเท้าหนาปานกลาง ปกติทำจากโครงไม้ก๊อกแล้วคลุมทับเพื่อให้ผู้ใส่ดูสูงขึ้น ผู้หญิงนิยมใส่ใน ทศวรรษ 1940 และนำมาใช้อีกครั้งโดย Yves Siant Laurent นักออกแบบในปารีส ทศวรรษ 1960 ผู้ชายใส่ใน ทศวรรษ 1970
Spectator
รองเท้าส้นสูงสองสี บ่อยครั้งเป็นสีต่างกัน สีดำ น้ำเงินเข้ม แดงหรือน้ำตาลตัดสีขาว เย็บพิเศษบนปลายเท้าและส้นรองเท้าจากสีอื่น บ้างมีรูและทำเป็นสีชมพูที่ขอบ เริ่มใช้ในทศวรรษ 1920
Ghillie
รองเท้าหนังผูกเชือก สำหรับใช้เต้นรำ
Oxford
รองเท้าส้นแบนแบบผูกเชือกบริเวณหลังเท้า
T-strap
รองเท้าที่มีสายพาดมาจากหนังส่วนหน้ารองเท้าเชื่อมกับสายเส้นที่สองที่พาดผ่านมาจากส่วนหลังของรองเท้า ทำให้เกิดเป็นรูปตัว T โดยอาจจะเป็นรองเท้าส้นสูงหรือส้นเตี้ยที่มี shank เปิดหรือปิดก็ได้ เป็นที่นิยมตั้งแต่ทศวรรษ 1920
Huarache
รองเท้าแตะของชาวเม็กซิโก ประกอบด้วยหนังทอแน่นทำเป็นรองเท้า มีสายเชือกด้านหลังและส้นแบน นิยมใส่ทั่วไปในสหรัฐอเมริกา
Saddle
รองเท้าหนังแบบตัดต่อสองสี ซึ่งโดยมากเป็นสีขาวและสีดำ ปลายเท้าและส้นเท้าเป็นสีขาว
Thongs
รองเท้าแตะแบนเรียบ ส่วนใหญ่ไม่มีส้นรองเท้า ยึดกับเท้าโดยมีสายหนังเส้นเล็กพาดผ่านระหว่างนิ้วหัวแม่เท้ากับนิ้วชี้ แล้วสายหนังนี้จะยึดกับพื้นรองเท้าทั้งสองด้าน เป็นที่นิยมสำหรับใส่เดินชายหาดตั้งแต่ทศวรรษ 1960
Loafer
รองเท้าส้นเตี้ยใช้สวมโดยไม่มีเชือกผูก นักเรียนหญิงในวิทยาลัยใส่เป็นครั้งแรกในทศวรรษ 1940 มีการประดับด้วยโซ่หรืออุปกรณ์เย็บเหนือหลังเท้า Gucci รองเท้าชั้นดีของอิตาลีมีการทำโซ่แบบใหม่ขึ้น เรียกว่า Gucci® loafer มีการเลียนแบบกันอย่างแพร่หลายตลอดทศวรรษ 1960 และต้นทศวรรษ 1970 รองเท้าราคาถูกมีช่อง สายรัดพาดหนังรองเท้าตอนบนแต่ละข้างมีที่ใส่เหรียญ
Sandal
รองเท้ายึดกับเท้าด้วยสายหนังหรือแผ่นนูนระหว่างปลายเท้า ปกติทำเป็นพื้นกลางเปิดและบ่อยครั้งไร้ปลายเท้าและส้นเท้า หรือประกอบด้วยพื้นรองเท้ายึดกับเท้าด้วยสายรัด ใส่ตั้งแต่ยุคแรก ค้นพบรองเท้าแตะทองคำในสุสานชาวอียิปต์ กรีก และโรมัน ระหว่างยุคกลาง ชาวนาเท่านั้นที่ใส่ sandal ในศตวรรษที่ 16 พระตามลำดับในวัด นักเดินทางและกษัตริย์ในพิธีสวมมงกุฎ ระหว่างทศวรรษ 1920 และ 1930 เริ่มใช้ใส่งานกลางคืน เล่นกีฬาและใส่เวลากลางวัน มาจากภาษากรีก sandalon
Wedgie
รองเท้าที่มี WEDGE HEELS เชื่อมติดกับพื้นรองเท้าโดยมีส่วนโค้ง ผลิตขึ้นมาหลายแบบและมีความสูงที่หลากหลาย เป็นที่นิยมสำหรับผู้หญิงในช่วงปลายทศวรรษ 1940 และกลับมานิยมอีกครั้งในช่วงทศวรรษ 1970 โดยนิยมสวมใส่ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย แต่เดิมนั้นจะทำส้นที่สูงแบบเดียว แต่ในปัจจุบันมีการผลิตส้นแบบนี้ทั้งแบบที่สูงกลางๆ และส้นแบบเตี้ยๆ ด้วย
แบบรองเท้าผู้ชาย (Men's Shoe Styles)
Balmoral
รองเท้าพื้นหนาและเหมาะสำหรับการเดิน ทำจากหนัง ประดับด้วยตาไก่ทองเหลืองและการเย็บที่ประณีต เกิดขึ้นในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 โดย Queen Victoria ที่ให้ความสำคัญกับพระราชวัง Balmoral ที่ประเทศสกอตแลนด์
Brogue
รองเท้าลักษณะแข็งแรง ทำจากแผ่นหนังดิบชิ้นเดียว ยึดโดยผูกเชือกเข้าด้วยกัน brogue สมัยใหม่นั้นผูกเชือก ส้นรองเท้าแบน รองเท้าหนังเย็บ ประดับด้วยการเจาะรู มีต้นกำเนิดในสกอตแลนด์และไอร์แลนด์ คำศัพท์ brogue ยังระบุถึงรองเท้าแบบ Oxford ซึ่งเจาะและเย็บวิธีการเดียวกัน
Loafer
รองเท้าส้นเตี้ยใช้สวมโดยไม่มีเชือกผูก นักเรียนหญิงในวิทยาลัยใส่เป็นครั้งแรกในทศวรรษ 1940 มีการประดับด้วยโซ่หรืออุปกรณ์เย็บเหนือหลังเท้า Gucci รองเท้าชั้นดีของอิตาลีมีการทำโซ่แบบใหม่ขึ้น เรียกว่า Gucci® loafer มีการเลียนแบบกันอย่างแพร่หลายตลอดทศวรรษ 1960 และต้นทศวรรษ 1970 รองเท้าราคาถูกมีช่อง สายรัดพาดหนังรองเท้าตอนบนแต่ละข้างมีที่ใส่เหรียญ
Demi-boot
รองเท้าบูทสั้นระดับข้อเท้า half-boot
Ranch boot
รองเท้าบูทสำหรับใส่ทำงานในไร่ในฟาร์ม
Shenandoah
รองเท้าบูทยาว ต้นกำเนิดจากรัฐเวอร์จิเนียร์ สหรัฐอเมริกา
Oxford
รองเท้าส้นแบนแบบผูกเชือกบริเวณหลังเท้า สำหรับผู้ชาย ผู้หญิง และเด็ก
Blucher
รองเท้าหนังทั่วไปมีเชือกผูกด้านหน้า มีลิ้นและหนังรองเท้าด้านบนตัดเป็นชิ้นเดียว [ดู tongue และ vamp]
Dress pump
รองเท้าสำหรับใส่ออกงานทางการ
Basketball
รองเท้าหนังสูงหรือเตี้ย ทำจากผ้าใบหรือลายพรางทหารมีแม่พิมพ์ยางพื้นรองเท้า ผูกเชือกถึงปลายเท้าและบ่อยครั้งทำด้วยแผ่นรองปลายเท้าและ counter แต่เดิมใส่เล่นกีฬาเท่านั้น ในทศวรรษ 1970 โรงเรียนยอมให้ใส่ได้ ในทศวรรษ 1980 และภายหลัง ทำเป็นหนังมีแผ่นรองปกเพิ่มด้านบน
Sandal
รองเท้ายึดกับเท้าด้วยสายหนังหรือแผ่นนูนระหว่างปลายเท้า ปกติทำเป็นพื้นกลางเปิดและบ่อยครั้งไร้ปลายเท้าและส้นเท้า หรือประกอบด้วยพื้นรองเท้ายึดกับเท้าด้วยสายรัด ใส่ตั้งแต่ยุคแรก ค้นพบรองเท้าแตะทองคำในสุสานชาวอียิปต์ กรีก และโรมัน ระหว่างยุคกลาง ชาวนาเท่านั้นที่ใส่ sandal ในศตวรรษที่ 16 พระตามลำดับในวัด นักเดินทางและกษัตริย์ในพิธีสวมมงกุฎ ระหว่างทศวรรษ 1920 และ 1930 เริ่มใช้ใส่งานกลางคืน เล่นกีฬาและใส่เวลากลางวัน มาจากภาษากรีก sandalon
Children's shoe
รองเท้าเด็ก Children's shoe styles
High sneakers
รองเท้าผ้าใบหุ้มข้อ
Low sneakers
รองเท้าผ้าใบ
Mary Janes
รองเท้าแตะส้นเตี้ย ทำจากหนังสีดำลื่น ปลายเท้าเปิดหรือปิดได้และมีสายรัดทับหลังเท้าหนึ่งเส้น เป็นกระดุมหรือหัวเข็มขัดตรงกลางหรือด้านข้าง ใช้เป็นเครื่องหมายการค้าครั้งแรกสำหรับรองเท้าเด็กในปี ค.ศ. 1927 รูปแบบยังคงเป็นที่นิยมเรื่อยมาแม้ปัจจุบันได้ดัดแปลงเครื่องหมายการค้ามาใช้กับเสื้อผ้าหลากหลาย
Leafers
รองเท้าส้นเตี้ยใช้สวมโดยไม่มีเชือกผูก นักเรียนหญิงในวิทยาลัยใส่เป็นครั้งแรกในทศวรรษ 1940 มีการประดับด้วยโซ่หรืออุปกรณ์เย็บเหนือหลังเท้า Gucci รองเท้าชั้นดีของอิตาลีมีการทำโซ่แบบใหม่ขึ้น เรียกว่า Gucci® loafer มีการเลียนแบบกันอย่างแพร่หลายตลอดทศวรรษ 1960 และต้นทศวรรษ 1970 รองเท้าราคาถูกมีช่อง สายรัดพาดหนังรองเท้าตอนบนแต่ละข้างมีที่ใส่เหรียญ
Saddle
รองเท้าหนังแบบตัดต่อสองสี ซึ่งโดยมากเป็นสีขาวและสีดำ ปลายเท้าและส้นเท้าเป็นสีขาว
Walker
รองเท้าที่มีเชือกร้อยรองเท้าสูงถึงข้อเท้า โดยปกติทำมาจากหนังสีขาว ที่มีพื้นรองเท้าซึ่งทำขึ้นโดยมนุษย์หรือทำจากหนังสัตว์ เด็ก ๆ ใช้สวมใส่เมื่อเริ่มหัดเดิน
วิธีทำความสะอาดรองเท้า
รองเท้าแต่ละประเภท แต่ละแบบ จะผลิตมาจากวัสดุที่แตกต่างกัน การทำความสะอาดรองเท้าแตะละแบบ ก็จะต้องมีวิธีการทำความสะอาดที่แตกต่างกัน ควรส่งให้ผู้เชี่ยวชาญที่มีความชำนาญและประสบการณ์ในการทำความสะอาดเป็นผู้ดูแล จะทำให้สามารถยืดอายุการใช้งานของรอเท้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รองเท้าคู่โปรด