Facts About Silk and Rayon

ข้อควรรู้เกี่ยวกับผ้าไหมและผ้าไหมเทียม

Silk (ผ้าไหม)

ผ้าไหมมีลักษณะที่แสดงถึงความนุ่มนวลสง่างามและหรูหรา ผ้าชนิดนี้ถูกค้นพบในประเทศจีนมากกว่า 4000 ปีก่อนและมีราคาค่อนข้างสูงเนื่องจากมีคุณสมบัติที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว

 

Rayon (ไหมเทียม)

ผ้าเรยอนหรือไหมเทียม มีคุณสมบัติที่นุ่มและเรียบลื่น โดยผ้าชนิดนี้เป็นที่นิยมนักของดีไซเนอร์ เนื่องจากลักษณะที่คล้ายไหม และดูมีราคา ไหมเทียมผลิตจากวัสดุที่มีส่วนประกอบของเซลลูโลส ที่ได้จากการละลายจากวัสดุธรรมชาติ ที่มีเซลลูโลสเป็นส่วนประกอบ (เยื่อไม้เศษผ้าฝ้าย ฯลฯ ) โดยสารละลายนี้จะถูกนำไปผ่านเครื่องเครื่องปั่นด้ายและเพื่อสร้างเส้นใย ซึ่งผ้าชนิดนี้เป็นผ้าชนิดแรกที่ถูกสังเคราะห์โดยมนุษย์

 

Why dryclean? (ทำไมต้องทำความสะอาดด้วยวิธีการซักแห้ง)

ผ้าไหมและไหมเทียม เหมาะกับการทำความสะอาดโดยวิธีการซักแห้ง ในกรณีที่ผู้ผลิตไม่ได้ทำการทดสอบและระบุวิธีการทำความสะอาดที่เหมาะสมกับเสื้อผ้านั้นๆ ควรจะอนุมาณว่าเหมาะที่จะทำความสะอาดด้วยการซักแห้ง เนื่องจากในบางครั้งสีที่ใช้ หรือการลงแป้ง อาจไม่คงทนต่อการละลายน้ำ และไม่สามารถทำความสะอาดด้วยวิธีการซักน้ำ ในบางกรณี รอยด่างหรือคราบสกปรกจากน้ำ อาจจะเกิดขึ้นได้เมื่อสัมผัสกับความชื้น ดังนั้นการทำความสะอาดตามวิธีที่ระบุในฉลากจึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง

 

Washable silk, rayon (ผ้าไหมและไหมเทียมที่มีคุณสมบัติทนต่อการซัก)

ผ้าไหมและไหมเทียมในปัจจุบันที่ขายตามท้องตลาด อาจมีความคงทนต่อการซัก โดยอนุมาณว่าถ้าผู้ผลิตระบุในป้ายฉลากว่า ทนต่อการซักหรือ Washable ผ้านั้นๆจะต้องผ่านการทดสอบจากผู้ผลิตแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ก็อาจพบปัญหาได้เนื่องจากในบางครั้งสีย้อมผ้าไหมและไหมเทียมที่ระบุว่า ทนต่อการซัก อาจไม่คงทนต่อการละลายน้ำ ส่งผลให้เกิดปัญหาสีตกหลังจากการทำความสะอาด ซึ่งปัญหานี้มักพบในผ้าที่ย้อมด้วยสีเข้มได้เสมอ ซึ่งสีอาจจะตกมากกว่าผ้าที่มีสีอ่อนหรือสีพาสเทล เพื่อป้องกันปัญหาสีผ้าตกใส่ผ้าสีอื่น จึงควรหลีกเลี่ยงการซักผ้าที่มีสีเข้มรวมกับผ้าชนิดอื่นๆ ในกรณีที่ผ้ามีหลายสี ควรทำการทดสอบความคงทนของสีก่อนการทำความสะอาด

สิ่งที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งที่จะช่วยบรรเทาปัญหาสีตกได้คือ ระยะเวลาที่ใช้ในการซักผ้า การซักฟอก ล้างน้ำ และตากแห้งอย่างรวดเร็วจะช่วยลดปัญหาสีตกได้ ไม่ควรแช่ผ้าทิ้งไว้นานๆ เนื่องจากเป็นการเพิ่มโอกาสที่สีจะละลายน้ำ ส่งผลให้สีตกเพิ่มขึ้น

ถ้าหากสีย้อมหรือการลงแป้งในกระบวนการผลิต ไม่คงทนต่อวิธีการดูแลรักษาหรือทำความสะอาดตามที่ระบุไว้ในฉลาก ควรติดต่อทางร้านค้าเพื่อหาวิธีการแก้ไขหรือส่งคืน

ในบางกรณี ที่ไม่มีการระบุว่าสามารถทำความสะอาดด้วยวิธีการซักแห้ง จากผลการทดสอบความคงทนของสีย้อมที่ใช้อาจมีความเป็นไปได้ว่าไม่สามารถคงทนต่อสารเคมีหรือน้ำยาที่ใช้ในการซักแห้ง ดังนั้น ผู้ประกอบการจึงควรปฏิบัติตามวิธีการทำความสะอาดที่ระบุไว้ในฉลาก แต่ถ้าหากเกิดความเสียหายหลังจากทำควาสะอาดตามวิธีที่ระบุแล้ว ควรส่งคืนให้ร้านค้าทำการแก้ไขต่อไป

 

Shading from sizing (สีไม่สม่ำเสมอของผ้าที่มีการลงแป้ง)

ปัญหาหนึ่งที่มักพบบ่อย คือ ปัญหาสีตก สีซีดจาง สีไม่สม่ำเสมอ ที่เกิดขึ้นเมื่อสัมผัสกับความชื้น โดยปัญหาดังกล่าว มีสาเหตุมาจาการน้ำแป้งจากขั้นตอนการลงแป้ง ในบางกรณีการสวมใส่เสื้อผ้าในขณะที่ฝนตก ความชื้นที่เกิดจากการกระเด็นของน้ำ อาหาร หรือเครื่องดื่มก็อาจทำให้สีของผ้าไม่สม่ำเสมอได้ ในกรณีที่วิธีการทำความสะอาดที่ระบุไว้ในฉลาก คือ การซักแห้ง แต่น้ำแป้งบนเส้นใยที่ใช้ทอผ้านั้นๆมีความไวต่อความชื้น อาจเป็นไปได้ยากที่จะหลีกเลี่ยงปัญหาสีไม่สม่ำเสมอจากการทำความสะอาด ร้านซักแห้งอาจมีความจำเป็นใช้การซักน้ำในระยะสั้นช่วยในการทำความสะอาด แต่อย่างไรก็ตามวิธีการทำความสะอาดต่างๆจะต้องได้รับความยินยอมจากลูกค้า

 

Fading of color (ปัญหาสีซีด)

ในบางกรณี สีที่ย้อมบนผ้าไหมและไหมเทียม อาจไม่มีความคงทนต่อขั้นตอนการทำความสะอาดตามที่ระบุไว้ในป้าย ในบางครั้ง เสื้อผ้าที่ระบุว่าควรทำความสะอาดด้วยวิธีการซักแห้ง สีที่ย้อมอาจไม่ทนต่อการซักแห้ง ส่งผลให้เกิดปัญหาสีตก โดยเฉพาะสีเข้มที่อาจตกใส่ผ้าสีที่อ่อนกว่า ซึ่งปัญหานี้พบได้เช่นเดียวกันกับเสื้อผ้าที่ระบุว่าคงทนต่อการซักน้ำส่งผลให้สีของผ้าซีดลง

คราบสกปรกที่เปรอะเปื้อนบนเนื้อผ้า ส่วนมากมีคุณสมบัติในการละลายน้ำตามธรรมชาติ และอาจมีความจำเป็นต้องใช้ความชื้น(น้ำ)ในการขจัด โดยทั่วไปในกระบวนการซักแห้งจะไม่มีการใช้ความชื้น(น้ำ) แต่ในบางกรณีอาจใช้ความชื้น(น้ำ)ช่วยในการทำความสะอาดเฉพาะจุด หรือเฉพาะบริเวณที่มีคราบสกปรกจากเหงื่อ อาหาร และเครื่องดื่ม ซึ่งขั้นตอนที่ใช้ในการทำความสะอาดจะถูกพิจารณาจาก ความติดคงทนของสีย้อม ซึ่งในบางครั้งการใช้ความชื้น(น้ำ) อาจไม่สามารถขจัดคราบสกปรกได้ทั้งหมด นอกจากนั้นสีย้อมบางชนิดจะทำปฏิกิริยากับคราบสกปรกเมื่อสัมผัสกับความชื้น(น้ำ) ในกรณีนี้ไม่สามารถใช้ความชื้น(น้ำ)ในการทำความสะอาดได้

 

Home stain removal tips (เทคนิคการทำความสะอาดด้วยตนเอง)

เนื่องจากความไวต่อความชื้นของสีย้อมและน้ำแป้งที่เคลือบอยู่ยนเส้นใย จึงไม่แนะนำให้ผู้บริโภคกำจัดคราบสกปรกโดยใช้น้ำจนกว่าจะมีการตรวจสอบตรวจสอบความคงทนของสี โดยการทำให้ผ้าเปียกจากนั้นจึงซับด้วยผ้าขาว ไม่ควรขัดถูผ้าขณะที่เปียกอาจทำให้เส้นด้ายที่ทอเรียงกันบิดเบี้ยวทำให้เกิดรูขนาดเล็กและอาจส่งผลให้ดูคล้ายกับว่าสีซีดลง หลังจากนั้นนำมากตากให้แห้งเพื่อตรวจสอบว่าสีย้อมหรือบริเวณที่ลงแป้งสีซีดลงหรือไม่ การกำจัดคราบสกปรกจากเหงื่อ อาหาร และเครื่องดื่มที่ฝังแน่นเป็นเรื่องที่ยาก อาจจะไม่สามรถที่จะทำความสะอาดหรือขจัดคราบได้ด้วยตนเอง แม้กระทั่งผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์จากร้านซักแห้งด้วย ก็อาจเป็นเรื่องยากในการขจัดคราบเช่นกัน

คราบน้ำมันจาระบี หรือฝุ่น สามารถทำความสะอาดได้ด้วยวิธีการซักแห้งโดยไม่เกิดผลกระทบจากขั้นตอนทำความสะอาด จากวิธีการทำความสะอาดหลากหลายวิธี ขอแนะนำว่าควรใช้น้ำยาซักหรือสารเคมีที่ใช้ในการซักแห้งทำความสะอาดคราบสกปรก จากนั้นจึงซับออก ไม่ควรถูผ้าเนื่องการขัดถูอาจเกิดความเสียหายกับผ้าและทำให้ยากต่อการแก้ไข

 

Beverages (คราบสกปรกจากเครื่องดื่ม)

เครื่องดื่มต่างๆ เช่นน้ำอัดลม ไวน์ และเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบ ที่กระเด็นเปรอะเปื้อนเสื้อ เครื่องดื่มเหล่านั้นอาจไม่มีสีและจางหายไปเมื่อแห้ง แต่เมื่อเวลาผ่านไปน้ำตาลที่เป็นส่วนประกอบของเครื่องดื่มนั้นๆ อาจทำให้เกิดคราบสีเหลืองหรือสีน้ำตาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสัมผัสกับความร้อน ดังนั้น จึงควรแจ้งหรือระบุบริเวณที่มีรอยเปรอะเปื้อน เมื่อนำเสื้อผ้าไปทำความสะอาดด้วยวิธีการซักแห้ง เพื่อให้ผู้ประกอบการขจัดคราบสกปรกนั้น แต่ในบางกรณีอาจไม่สามารถกำจัดคราบสกปรกได้ทั้งหมด โดยเฉพาะคราบสกปรกที่ฝังแน่นบนเนื้อผ้า

 

Protect from perspiration (การป้องกันคราบสกปรกจากเหงื่อ)

เหงื่อไคล จะมีเกลือเป็นส่วนประกอบที่สามารถทำลายเนื้อผ้าได้โดยเฉพาะไหม เหงื่อมีสภาวะเป็นกรดและเปลี่ยนเป็นด่างเมื่อสัมผัสกับบรรยากาศ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้ผ้าเปลี่ยนสีหรือทำลายเนื้อผ้า ดังนั้นจึงควรทำความสะอาดคราบเหงื่อออกโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดคราบฝังแน่น ถ้าผู้ส่วมใส่มีเหงื่อออกมาก ควรสวมใส่แผ่นล็อคเหงื่อใต้วงแขน (underarm shields) ก่อนสวมใส่เสื้อผ้า

Chemical damage (ผลเสียจากสารเคมี)

สีย้อมบางชนิดที่ใช้ย้อมผ้าไหมอาจจะตกหรือเปลี่ยนสีเมื่อสัมผัสกับสารละลายที่มีแอลกอฮอล์ ดังนั้นจึงควรรอให้น้ำหอมและ สเปรย์ฉีดผมที่มีส่วนประกอบของแอลกอฮอล์ให้แห้ง ก่อนที่จะสวมใส่เสื้อผ้า ในกรณีที่เครื่องดื่มที่มีส่วนประกอบแอลกอฮอล์กระเด็นเปรอะเปื้อเสื้อผ้า ควรทำความสะอาดโดยเร็วที่สุด

สีย้อมบางชนิด โดยเฉพาะสีน้ำเงินและสีเขียวที่ใช้ย้อมผ้าไหมอาจมีความไวต่อด่าง สบู่ ผงซักฟอก แชมพู และยาสีฟันจะมีค่าความเป็นด่าง ที่จะทำให้เกิดความเสียหายต่อเส้นใย หากพบปัญหาในลักษณะนี้ควรปรึกษาผู้ประกอบการร้านซักแห้งเพื่อหาวิธีในการทำความสะอาด

ผ้าไหมที่มีสีต่างๆ อาจพบปัญหาสีซีดจากการสัมผัสแสงเป็นเวลานาน ไม่ว่าจะเป็นแสงแดดหรือแสงไฟ โดยเฉพาะสีย้อมสีผ้าไหมสีน้ำเงินและสีเขียวมักจะพบปัญหาสีซีดอย่างรวดเร็ว ดังนั้นจึงควรเก็บเสื้อผ้าไว้ในตู้เสื้อผ้าให้ห่างจากแสง (สถานที่ที่ไม่มีหน้าต่างในตู้เสื้อผ้า) นอกจากนั้นยังพบว่าการใช้สารฟอกขาวที่ส่วนประกอบคลอรีนยังทำลายเนื้อผ้าอีกด้วย

 

Sueded/Sanded silk (ผ้าไหมตกแต่งสำเร็จ)

ขั้นตอนการตกแต่งสำเร็จจากกระบวนการผลิต ทำให้ผิวสัมผัสของผ้าไหมมีความแตกต่างกัน ซึ่งลักษณะของผ้าไหมอาจมีเปลี่ยนแปลงระหว่างการใช้หรือการสวมใส่ ผ้าไหมเหล่านี้อาจมีการข้อจำกัดในเรื่องของอายุการใช้งาน และอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงได้โดยธรรมชาติ แต่บางกรณีก็อาจพบปัญหาสีตกหรือเกิดการเปลี่ยนแปลงผิวสัมผัสของผ้าไหมได้

 

Drycleaning (การซักแห้ง)

ถึงเวลาแล้วที่จะซักแห้ง:

  • ส่งเสื้อผ้าที่เปื้อนคราบสกปรกเพื่อทำความสะอาดให้เร็วที่สุด
  • แจ้งให้ผู้ประกอบการร้านซักแห้งทราบว่ามีคราบอะไรบ้าง
  • ระบุบริเวณที่มีคราบเปรอเปื้อนจากอาหารและเครื่องดื่ม
  • ระบุบริเวณผ้าที่เกิดความเสียหาย เพื่อที่ผู้ประกอบการจะได้ทำการแก้ไขก่อนที่จะไม่สามารถแก้ไขได้